วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

หน้าปก

😁😁😁วิชา คอมพิวเตอร์😁😁😁

 😂โดย😃
  

😇นาย.ทรงพล เกตุพันธ์😋


😞เสนอ😣


😣ครูไพศาล ภาวสุท😰



😃😃😃ติดต่อได้ที่ 0938919615😆😆😆 

นกชาปีไหน หรือ นกกะดง

นกชาปีไหน หรือ นกกะดง


เป็นนกชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์นกพิราบและนกเขา (Columbidae) นับเป็นนกเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ในสกุล Caloenas ในขณะที่ชนิดอื่น ๆ สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
นกชาปีไหน มีขนาดลำตัวเท่า ๆ กับไก่แจ้ มีขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 40-41 เซนติเมตร มีลำตัวขนาดใหญ่ แต่มีหัวขนาดเล็กและมีเนื้อนูนเป็นตุ่มบริเวณจมูก ขนตามลำตัวเป็นสีเขียวเหลือบเทา ขนหางสีขาว แต่จะมีขนบริเวณคอห้อยยาวออกมาเหมือนสร้อยคอ ซึ่งขนนี้จะยาวขึ้นเมื่อนกมีอายุมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีขาขนาดใหญ่แข็งแรง เพราะเป็นนกที่ชอบเดินหากินตามพื้น
นกชาปีไหน แม้จะเป็นนกที่หากินบนพื้นดินเป็นหลัก แต่ก็เป็นนกที่สามารถบินได้ มีรายงานว่าสามารถบินข้ามไปมาระหว่างเกาะต่าง ๆ ได้ เป็นนกที่หากตกใจจะบินหรือกระโดดขึ้นบนต้นไม้ และไม่ค่อยส่งเสียงร้องนัก นานครั้งจึงจะได้ยินเสียงร้องทีหนึ่ง แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดย่อย (ดูในตาราง) พบกระจายพันธุ์เฉพาะหมู่เกาะต่าง ๆ บริเวณทะเลอันดามันและอินโด-แปซิฟิก เช่น หมู่เกาะนิโคบาร์, หมู่เกาะอันดามัน, หมู่เกาะโซโลมอนและปาเลา ในประเทศไทยจัดเป็นนกที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง โดยจะอาศัยอยู่ในป่าดิบหรือป่าชายหาดของหมู่เกาะสิมิลัน, หมู่เกาะสุรินทร์ หรือหมู่เกาะอ่างทอง เท่านั้น เป็นนกที่ถูกจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักรราช 2535

นกสาลิกาเขียว

นกสาลิกาเขียว


เป็นนกชนิดหนึ่งในวงศ์นกกา(Corvidae) มีขนาด 38 เซนติเมตร มีปากหนาสีแดงสด วงรอบตาสีแดงและมีแถบสีดำคาดเหมือนหน้ากาก บริเวณกระหม่อมสีเขียวอมเหลือง ลำตัวด้านบนสีเขียวสด ใต้ท้องสีเขียวอ่อน ช่วงปีกตรงหัวไหล่เป็นสีเขียว ปลายปีกเป็นสีแดงเข้ม และตอนในของขนกลางปีกมีแถบสีดำสลับขาว ขาสีแดงสด ใต้หางมีสีดำสลับขาว และส่วนปลายหางจะเป็นสีขาว ร้องดัง “กวีก.ก..กวีก..ก..ก….”
กระจายพันธุ์ในเทือกเขาหิมาลัยในตอนเหนือของภาคตะวันออกของประเทศอินเดียไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านภาคกลางของประเทศไทย มาเลเซีย ถึงเกาะสุมาตราและทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว ในป่าไม่ผลัดใบ ป่าเบญจพรรณ
นกหากินเป็นคู่หรือเป็นฝูงตามต้นไม้และพื้นดิน กินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง, สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็ก ลูกนก และไข่เป็นอาหาร ทำรังอยู่ตามง่ามไม้ รังทำจากกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง และใบไผ่ วางซ้อนกันและสานไปมาเป็นรูปลักษณะถ้วยตื้นๆ ตรงกลางมีกิ่งไม้เล็กวางรองอีกชั้น ออกไข่ครั้งละ 4 – 6 ฟอง

นกศิวะหางสีตาล หรือ นกศิวะหางตาล

นกศิวะหางสีตาล หรือ นกศิวะหางตาล


เป็นนกในวงศ์นกกินแมลงและนกกะราง (Timaliidae) พบในอนุทวีปอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 นกศิวะหางสีตาลเป็นนกที่มีขนาดปานกลาง ตัวผู้และตัวเมียเหมือนกัน ทางด้านบนของตัวมีสีเขียวมะกอก ด้านล่างมีสีอ่อนกว่าบนหลัง รอบตามีสีเหลือง หางและปีกบางส่วนมีสีน้ำตาลแกมแดง หน้าผากมีสีน้ำตาลแดง ที่คอมีลายขวางสีดำ มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ16-18.5 เซนติเมตร
มีหัวสีน้ำตาลอมส้มซึ่งค่อยๆจางลงจนกลมกลืนกับสีของหลัง ไหล่ สะโพกซึ่งเป็นสีเขียวอ่อนแกมเทา คางสีเหลืองเข้ม ใต้คอสีขาวมีลายบั้งสีดำขวางอยู่หลายๆบั้ง ทำให้ดูเหมือนเป็นนกที่มีคอลายๆ ปากสีน้ำตาลเข้ม ขนคลุมส่วนล่างของลำตัวเป็นสีเหลืองออกเขียวอ่อนนิดๆ ขนปีกมีสีเป็นชุดเดียวกับขนหางคือสีน้ำตาลแกมแดง ดำ และ ขาว มีจุดเด่นซึ่งเป็นที่มาของชื่อคือขนหางคู่บนสุดมีสีน้ำตาลแกมแดง ปลายหางเป็นสีขาวอมเหลือง ขอบขนและขนหางคู่อื่นเป็นสีดำ ตัวผู้และตัวเมียหน้าตาคล้ายคลึงกัน

นกตะกรุม

นกตะกรุม


เป็นนกน้ำขนาดใหญ่ในวงศ์นกกระสา (Ciconiidae) มีถิ่นที่อยู่อาศัยในทวีปเอเชียทางตอนใต้ ตั้งแต่อินเดีย, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงจีนตอนใต้ และเกาะชวา มีรูปร่างคล้ายคลึงกับนกตะกราม แต่มีขนาดเล็กกว่า และไม่มีถุงใต้คอ ขณะยืนมีความสูงบนหัวประมาณ 110-120 เซนติเมตร ความกว้างของปีกทั้งสองข้างประมาณ 210 เซนติเมตร ลำตัวด้านบนสีดำเหลือบเป็นมัน ใต้ท้องสีออกขาว ส่วนหัวและลำคอเป็นหนังสีเหลืองแกมแดง มีขนเป็นเส้นๆ ขึ้นกระจายอยู่ห่าง ๆ จะงอยปากมีขนาดใหญ่สีออกเหลืองเลอะ ซึ่งในฤดูผสมพันธุ์จะมีแต้มสีแดงตรงบริเวณโคนปาก แข้งและเท้าสีน้ำตาลแกมเขียวจนถึงสีคล้ำเกือบดำ นกอายุน้อยขนสีดำค่อนข้างด้าน บนส่วนหัวและลำคอมีขนปกคลุมมากกว่านกโตเต็มวัย นกตะกรุม เป็นนกที่หากินสัตว์เล็ก ๆ ตามแหล่งน้ำเป็นอาหาร เช่น กุ้ง, หอย, ปู, ปลา รวมถึงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งครึ่งน้ำอย่าง งู หรือ กบ, เขียด แต่จะไม่กินซากสัตว์เหมือนนกตะกราม มีพฤติกรรมทำรังบนยอดไม้สูง ตามป่าชายเลนหรือป่าริมน้ำร่วมกับนกตะกรามและนกกระทุง วางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง ในช่วงปลายปี คือ เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
นกตะกรุม เป็นนกที่ได้ยากมากในประเทศไทย เดิมเคยมีรายงานพบที่ จังหวัดศรีสะเกษ, ราชบุรี, ชุมพร, ตรัง, ประจวบคีรีขันธ์ และนราธิวาส และมีรายงานการทำรังแพร่ขยายพันธุ์ที่บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ที่จังหวัดพัทลุง และป่าพรุ ในเขตจังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. 2522 แต่ปัจจุบันนี้ เหลือเพียงฝูงสุดท้ายแล้วที่เกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา อันเป็นเกาะที่เงียบสงบ ห่างไกลจากการถูกรบกวนโดยมนุษย์ และมีรายงานพบ 2 ตัวที่เขตห้ามสัตว์ป่าทะเลน้อย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2556
ปัจจุบัน นกตะกรุมเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

นกกระสาคอขาวปากแดง

นกกระสาคอขาวปากแดง


นกกระสาคอขาวปากแดง (อังกฤษ:Storm’s Stork; ชื่อวิทยาศาสตร์:Ciconia stormi) เป็นนกกระสาชนิดที่พบเฉพาะทางภาคใต้ของประเทศไทย และจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ พบที่อุทยานแห่งชาติเขาสก
มีลักษณะคล้ายนกกระสาคอขาวแต่มีปากสีแดงสดบริเวณ หน้าสีส้มซีดๆ รอบตามีสีเหลืองทอง ขนปกคลุมที่คอ ช่วงบนสีขาว ถัดลงมาช่วงล่างสีดำ ปีกมีสีดำแกมเขียวซีดๆ พบในไทยและมาเลเซียแต่แยกกันเป็นคนละชนิดย่อย

นกปากห่าง

นกปากห่าง


นกปากห่าง (อังกฤษ: Open-billed stork, Asian openbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anastomus oscitans) จัดอยู่ในวงศ์นกกระสา (Ciconiidae) จัดเป็นนกในวงศ์นี้ขนาดเล็ก แต่จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครก็คือปากที่ยามหุบจะเหลือช่องตรงกลาง ทำให้มันคาบเปลือกหอยโข่งและหอยเชอรี่ที่ทั้งกลมทั้งลื่นได้อย่างช่ำชอง เมื่อจับหอยได้แล้วมันจะคาบไปหาทำเลเหมาะ ๆ เพื่อใช้จะงอยปากทำหน้าที่เหมือนแหนบจิกเนื้อหอยออกมากิน
ตัวผู้และตัวเมียคล้ายกัน มีขายาว คอยาว ปากใหญ่ส่วนกลางของปากห่างออกเพื่อคาบหอยโข่งซึ่งกลมลื่นได้ ขนตามตัวมีสีขาวมอ ๆ หางมีสีดำแกมน้ำเงิน ขนปลายปีกมีสีเหมือนและเป็นแถบสีดำ นกปากห่างมีลำตัวยาว 32 นิ้ว ชอบอยู่เป็นฝูง ทำรังบนต้นไม้ ทำรังด้วยเรียวไม้แบบนกยางหรือรังกา ออกไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันกกไข่ ในการผสมพันธุ์ เวลาตัวผู้ขึ้นทับตัวเมียนั้น นกตัวผู้จะใช้เท้าจับขอบปีกหน้าของตัวเมียไว้แน่น ทั้งสองตัวจะกระพือปีกช่วยการทรงตัว ตัวผู้จะแกว่งปากของมันให้กระทบกับปากของตัวเมียอยู่ตลอดเวลาที่ทำการทับ ลูกนกเมื่อออกจากไข่ใหม่ ๆ จะไม่มีขน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีขนปุยขาว ๆ คลุม อีกราวเกือบ 2 เดือนก็มีปีกหางแข็งแรงแล้วก็เริ่มหัดบิน

นกยางโทนใหญ่

นกยางโทนใหญ่



เป็นนกลุยน้ำขนาดใหญ่ในวงศ์นกยาง(Ardeidae) มีขนสีขาวตลอดตัว คอยาว มีลักษณะคล้ายนกยางโทนน้อย แต่ปากจะยาวกว่า หัวไม่กลมเหมือนนกยางโทนน้อย นกยางโทนใหญ่เป็นนกขนาดใหญ่มีขนาดความยาวลำตัวประมาณ 90 เซนติเมตร สีขาวตลอดตัว คอยาว ปากยาว แหลมมีสีเหลือง ตาเหลือง ไม่มีเปีย ขาและนิ้วเท้าดำ ในฤดูผสมพันธุ์มีขนประดับเป็นเส้นยาว ๆ อยู่บนหลังและยาวเลยหางออกไปเล็กน้อย นกยางโทนทั้งตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะคล้ายกัน ในฤดูผสมพันธุ์ปากจะมีสีดำ
ในประเทศไทย นกยางโทนใหญ่พบได้ในทุกภาคของประเทศ ตามหนองน้ำ ที่ราบน้ำท่วมถึง และตามท้องนาในฤดูฝน เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้บ่อยและมีบางส่วนเป็นนกอพยพ
นกยางโทนใหญ่หากินตามที่ราบที่น้ำท่วมถึง หนองบึง ทะเลสาบ และตามป่าชายเลน กินสัตว์น้ำ กบ เขียด แมลง และสัตว์ขนาดเล็กอื่นเป็นอาหาร นกยางโทนใหญ่ผสมพันธุ์ในฤดูฝนและอยู่กันเป็นฝูงชอบทำรังรวมกันอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันกับนกยางชนิดอื่น รังทำด้วยกิ่งไม้แห้งๆ เล็กๆ ขัดสานกัน มีแอ่งตรงกลางสำหรับ เพศผู้และเพศเมียช่วยกันทำรัง กกไข่ และเลี้ยงดูลูก วางไข่คราวละ 3-4 ฟอง ระยะฟักไข่ 25-26 วัน
นกยางโทนใหญ่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

นกแต้วแร้วป่าโกงกาง หรือ นกแต้วแร้วป่าชายเลน

นกแต้วแร้วป่าโกงกาง หรือ นกแต้วแร้วป่าชายเลน


เป็นนกแต้วแร้วชนิดหนึ่ง เดิมเคยถูกจัดให้เป็นชนิดย่อยของนกแต้วแร้วธรรมดา (P. moluccensis) แต่ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นชนิดต่างหากแยกออกมา ซึ่งชื่อวิทยาศาสตร์มาจากภาษาละตินโดยคำว่า “megas” แปลว่า “ใหญ่” และ “rhynch” หรือ “rhunkhos” แปลว่า “ปาก” รวมความหมายคือ “นกที่มีปากใหญ่” นกแต้วแร้วป่าโกงกางเป็นนกขนาดเล็ก ความยาวจากปลายปากจดหาง 18-21 เซนติเมตร ลักษณะทั่วไปคล้ายนกแต้วแร้วธรรมดามาก เพียงแต่ว่านกแต้วแร้วป่าโกงกางบริเวณกระหม่อมเป็นสีน้ำตาลเข้มแทนที่จะเป็นสีดำเหมือนนกแต้วแร้วธรรมดา นอกจากนี้นกแต้วแร้วป่าโกงกาง จะมีปากที่ใหญ่และยาวกว่าโดยยาวประมาณ 4.0 เซนติเมตร ในขณะที่นกแต้วแร้วธรรมดามีปากยาว 3.0 เซนติเมตร ใต้ท้องสีคล้ำกว่า คางสีออกขาว การจำแนกชนิดให้ดูจากลักษณะสีของลำตัวประกอบกับพื้นที่หากิน อันเป็นอุปนิสัยเฉพาะของนกชนิดนี้เป็นส่วนสำคัญในการจำแนกชนิด

นกเขียวก้านตองหน้าผากสีทอง

 นกเขียวก้านตองหน้าผากสีทอง


เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ชุกชุมตามป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง แต่ก็อาศัยอยู่ในป่าประเภทอื่นๆด้วย พบได้ตั้งแต่อนุทวีปอินเดียไปจนถึงเวียดนาม และมีประชากรกระจายอยู่ในคาบสมุทรมลายู ในประเทศไทยพบทั่วประเทศยกเว้นภาคใต้และที่ราบลุ่มภาคกลาง ตามป่าดิบนกชนิดนี้จะถูกแทนที่โดยนกเขียวก้านตองชนิดอื่น โดยเฉพาะนกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า (Blue-winged Leafbird) ที่พบได้เกือบทั่วประเทศ
นกเขียวก้านตองชนิดนี้เป็นนักเลียนเสียงอันดับต้นๆในป่าเมืองไทยเลยทีเดียว มันมีเสียงร้องหลายแบบมาก เสียงร้องแบบหนึ่งที่ได้ยินกันบ่อยๆจะฟังดูคล้ายนกแซงแซวสีเทา (Ashy Drongo) แต่บทเพลงของมันอาจยาวมากโดยมีท่วงทำนองและจังหวะที่แทบไม่ซ้ำกันเลย อาหารโปรดของนกเขียวก้านตองคือผลไม้ โดยเฉพาะลูกไม้ขนาดเล็กและน้ำหวานดอกไม้ เรียกได้ว่าพวกมันทั้งช่วยกระจายเมล็ดและผสมเกสรให้ต้นไม้หลากหลายชนิด

นกอ้ายงั่ว หรือ นกคองู

นกอ้ายงั่ว หรือ นกคองู


เป็นนกน้ำชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์นกอ้ายงั่ว (Anhingidae) ในอันดับนกกระทุง (Pelecaniformes) (แต่บางข้อมูลจัดให้อยู่ในอันดับ Suliformes) ในประเทศไทยพบเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ขนาดลำตัวยาวประมาณ 90-95 เซนติเมตร ปากตรง ปลายปากแหลม หัวเล็กคอยาวมาก ปีกยาว ปลายปีกค่อนข้างมน ขนปลายปีกเส้นที่ 2 และ 3 นับจากด้านนอกยาวที่สุด หางยาวแข็ง ปลายหางเป็นหางพลั่ว มีขนหาง 12 เส้น ขาค่อนข้างสั้นแต่ใหญ่ มีพังผืดนิ้วเป็นแบบตีนพัดเติม ทั้งสองเพศมีลักษณะและสีเหมือนกัน ตัวเต็มวัยหัวและคอสีน้ำตาล มีลายสีขาวคาดจากคางจนถึงข้างคอ ลำตัวสีดำ ช่วงไหล่ คอด้านบน และลำตัวด้านบนมีลายขีดสีเทาแกมสีเงิน ตัวไม่เต็มวัยสีจางกว่าตัวเต็มวัย หัวและคอสีขาว ลำตัวสีน้ำตาล มีลักษณะเด่น คือ มีลำคอยาวเรียวดูคล้ายงู จนได้อีกชื่อหนึ่งว่า “นกคองู” เพราะขณะว่ายน้ำ ลำตัวทั้งหมดจะจมลงใต้น้ำ ชูเฉพาะคอและหัวขึ้นเหนือน้ำ ดูคล้ายกับงูที่อยู่ในน้ำมาก อยู่เป็นกลุ่มตามแหล่งน้ำ เช่น บึง, อ่างเก็บน้ำ, เขื่อน หรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่ และอาจอยู่รวมกับนกและสัตว์ชนิดอื่น ว่ายน้ำและดำน้ำได้ดีมาก นอกจากนี้ยังบินได้ดี และชอบเกาะตามกิ่งไม้แห้งใกล้กับแหล่งน้ำหากินหรือบริเวณแหล่งอาศัย เพื่อผึ่งแดดหรือไซ้ขนหลังจากว่ายน้ำและดำน้ำหาอาหาร

หน้าปก

😁😁😁วิชา คอมพิวเตอร์😁😁😁  😂โดย😃    😇นาย.ทรงพล เกตุพันธ์😋 😞เสนอ😣 😣ครูไพศาล ภาวสุท😰 😃😃😃ติดต่อได้...